เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๒ ธ.ค. ๒๕๖๑

เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๑

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

 

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมๆ เพื่อหัวใจดวงนี้ไง หัวใจดวงนี้มันโง่เง่าเต่าตุ่นนัก มันมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ

วันนี้วันพระๆ วันพระเป็นวันทำบุญกุศลของชาวพุทธ เวลาทำบุญกุศลของชาวพุทธไง วันโกน วันพระ สมัยโบราณเกษตรกรรม เกษตรกรรมเขามีเวลาของเขา เขาเตรียมอาหารของเขา เขามีใจเป็นบุญกุศลของเขา เขารื่นเริงในชีวิตของเขา เวลาทำไร่ไถนาของเขา เขาหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินด้วยความตรากตรำในหน้าที่การงานของเขา นี่คือชีวิตความเป็นจริงไง

วันพระ วันโกนจะได้ไปวัดไปวา ไปแสวงบุญกุศลของเรา ได้พักร่างกายนี้เพื่อบุญกุศลของชีวิตเกษตรกรรม

เดี๋ยวนี้มันเป็นอุตสาหกรรม อุตสาหกรรม เวลาเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น เวลาเป็นเงินเป็นทองขึ้นมา จะทำหน้าที่การงานขึ้นมามันมีแต่ความทุกข์ความยาก มีแต่ความเครียดทั้งนั้นน่ะ

เวลาคนเรามีกายกับใจๆ เวลาคนตายไปเขาเอาศพไปไว้วัดแล้วเขาก็เผา เขาไม่เอาศพไว้ในบ้าน

คนมีกายกับใจๆ เวลาขวดน้ำ เวลาขวดน้ำเราซื้อหามา เราดื่มน้ำเสร็จแล้วเราก็ทิ้งขวดนั้นทิ้งไป เวลาขวดที่มันมีน้ำเขาแช่เอาไว้ในตู้แช่ เวลาเขากินหมดแล้วเขาโยนทิ้ง กายกับใจๆ ไง แล้วหัวใจมันมีค่าไง

ขวดน้ำจะมีค่าขึ้นมามันต้องมีน้ำอยู่ในขวดนั้น ยิ่งเป็นขวดไวน์ขวดเป็นแสนๆ มันเป็นแสนๆ มันมีคุณค่าที่ไหน มันมีคุณค่าที่น้ำไวน์นั้น มันไม่ได้มีค่าที่ขวดนั้น พอเขาดื่มไวน์เสร็จหมดแล้วเขาโยนขวดทิ้ง

คนเราตายไป ร่างกายซากศพเหมือนกับขยะ นี่ไง เหมือนขยะ มันไม่มีคุณค่าเลย เห็นไหม สัตว์มันยังมีเนื้อหนังมังสา มันมีคุณค่า คนมีคุณค่าที่ไหน

เวลาคนมีคุณค่าๆ ขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม เวลาแสดงธัมมจักฯ ขึ้นมา พระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม มันมีคุณค่า มันมีคุณค่าตรงหัวใจนี้ หัวใจนี้มันมีโอกาส มีการประพฤติปฏิบัติ มีการขวนขวาย มีการกระทำขึ้นมาให้มันเป็นสัจธรรมขึ้นมา

นี่มีกายกับใจๆ ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เวลาพิจารณากาย ปากเปียกปากแฉะ ท่องจำเขามาพูดทั้งนั้นน่ะ ท่องจำเขามาพูด มันก็พูดได้ตอนที่คนมีสติมีปัญญานะ

เวลาชาวพุทธที่ทะเบียนบ้านเขาไม่สนใจเลย เขาบอกเลย ไอ้คนไปวัดมันโง่เง่าเต่าตุ่นได้ขนาดนั้น หาเงินหาทองมาเกือบเป็นเกือบตายต้องไปถวายพระๆ ทำไมไม่เอาไว้ใช้เอง

เอาไว้ใช้เอง ใช้หมดไหม เวลาใช้เองได้ประโยชน์อะไร นี่ด้วยความตระหนี่ถี่เหนียวในหัวใจมันคิดแบบนั้นไง มันคิดว่ามันจะได้แสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งที่เขาหามาไง มันไม่มีอะไรติดหัวใจมันไปเลย

เวลาไปหาหลวงตา หลวงตาท่านบอก ถ้าเวลามา มารถเปล่าๆ มาทั้งนั้น เวลากลับขอให้ทุกพุทโธไปด้วย

นี่ก็เหมือนกัน หัวใจเราอ้างว้าง ซึมเศร้า มีความทุกข์ระทม มีแต่ความทุกข์ มีแต่ความเครียด มันจะเอาอะไรไปรักษา

นี่ไง เราเกิดมาๆ นี่ธรรมโอสถๆ ไง ถ้าธรรมโอสถ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาออกจากราชวังไป ลูกเพิ่งเกิดนะ มันอาลัยอาวรณ์ขนาดไหน มันผูกพันขนาดไหน จำต้องจาก จากไปเพื่อหาโมกขธรรม จากไปเพื่อหาสัจจะความจริงในหัวใจของตน

เวลามันมีความจริงในหัวใจของตนขึ้นมา วิมุตติสุขๆ นั่นไง พระพุทธศาสนามันมีคุณค่ากับหัวใจของสัตว์โลกไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ก็รื้อหัวใจของเรานี่ไง

ชีวิตเกิดมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องนิพพานไป เราก็ต้องตายไปแน่นอน แต่เวลาตายแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่

นี่ไง รื้อสัตว์ขนสัตว์ก็รื้อหัวใจอันนี้ไง ถ้าหัวใจนี้มันมีศรัทธามีความเชื่อของมัน เราอุตส่าห์ขวนขวาย

ไอ้ที่เขาบอก เราโง่ๆ โง่ๆ นี่แหละ

แต่เวลามาทำบุญกุศลแล้ว คนเรานะ เวลาชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด เวลาออกจากร่างนี้ไปเหมือนคนเดินทาง เวลาคนเดินทางไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีเสบียงอาหารไปเลย มันไปอย่างไร

เวลาคนจะเป็นจะตายขึ้นมา ตายแล้วไปไหน แล้วกูจะมีอะไร กูจะทุกข์ยากขนาดไหน แต่คนที่เขาอุดมสมบูรณ์นะ จิตตคหบดีเวลาจะตาย เทวดาเอารถม้ามารับเลย เหมือนไปปิกนิก จะไปเที่ยวสวรรค์ จะไปเที่ยวสวรรค์ นี่มันเป็นสัจจะเป็นความจริงของมัน เพราะอะไร เพราะมันอิ่มเต็มในหัวใจดวงนั้น

นี่ไง ขวดน้ำเต็มเลย เต็มจนมันล้นขวด มันจะระเบิดนู่นน่ะ มันมีคุณค่า เวลาเขาเอาไปแช่ไว้ในตู้แช่นะ ไวน์ขวดละแสนสองแสน เขาเก็บเอาไว้ในห้องเก็บไวน์

หัวใจที่มีคุณค่าๆ มันอยู่ในร่างกายนี้ ร่างกายนี้มีการะทำๆ ที่เรามาทำบุญกุศลๆ นี่ระดับของทาน ระดับของทานนะ ใครได้เสียสละแล้วมีความสุขขนะ ถ้ามีความสุขที่มันเป็นบุญกุศล

เวลาเสียสละ เงินของกูนะ มึงจะมาดึงจากมือกูไปได้อย่างไร กูไม่ให้นะ ของกูนะ ของกูนะ นั่นน่ะแล้วมันมีอะไรติดค้างในหัวใจมันไป

นี่ไง เวลาคนเขาเสียสละๆ ข้าวของเงินทองจะเก็บรักษาไว้ที่ไหน เวลาโจรขโมยมันปล้นไปแล้วจบ บุญกุศลไม่มีใครปล้นได้ ทรัพย์สมบัติในหัวใจไม่มีใครปล้นได้ ความสุข ความรื่นเริง ความอาจหาญในหัวใจของเราใครปล้นไม่ได้

แล้วถ้ามันมีสติปัญญา นี่ระดับของทาน ระดับของปัญญา คนที่ร่ำรวยที่เขามีสติปัญญานะ เขาบอกเขาเป็นคนทุกข์คนจน จะทำบุญที่ไหนเขาต้องแสวงหาของเขา เขาจะทำไร่ไถนาของเขา เขาแสวงหาเนื้อนาที่ดี เนื้อนาที่ดีเพื่อประโยชน์กับเขาไง นี่คนที่มีปัญญา แล้วมันจะให้คนโง่ๆ มาชักนำไปไม่ได้

แต่ถ้าคนมันไม่เคยไปไหนเลย มันไม่เคยทำบุญกุศลเลย เฮ้ย! ทำที่ไหนวะ อ๋อ! พระห่มผ้าเหลืองๆ มา ใส่เลย เออ! กูได้ทำบุญแล้ว เฮ้ย! ทำบุญแล้วทำไมมันไม่มีอะไรเลยล่ะ กูทำบุญแล้วน่ะ

ก็บุญโง่ๆ อย่างมึงไง ถ้าบุญฉลาดๆ เขาแสวงหาของเขา เขาแสวงหาของเขา เขาทำบุญกุศลของเขา

แล้วเวลาทำบุญขึ้นมา จิตใจของคนมันสูงมันต่ำไง ถ้าไปที่ไหนที่มันมีระเบียบ มีข้อวัตรปฏิบัติ อู้ฮู! ยุ่งยาก ไม่เอา ไปที่ไหนที่เขาบริการ เขาจะเอารถมารับที่บ้านเลย

เวลามันจะเอาบุญกุศลมันก็จะเอาแต่ดีๆ เวลามันเจอของดีมันไม่รู้จัก มันจะเอาสำมะเลเทเมาไง เพราะมันสำมะเลเทเมามาจากโลก เวลาไปวัดไปวาขึ้นมาก็สำมะเลเทเมา ต้องต้อนรับต้องขับสู้ ต้องเต็มที่เลย

เขาขับสู้อยู่แล้ว เขาขับสู้ด้วยความสงบสงัดไง ธรรมและวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาเคารพในสถานที่ไง

คนที่ไปวัดไปวานะ เขามีเขี้ยวมีเล็บ เขาจะเก็บซ่อนไว้ตั้งแต่ปากประตูนั่นน่ะ คนไปวัดไปวาสูงส่งสุดฟ้าขนาดไหนเขาเคารพบูชาของเขา

ดูสิ กษัตริย์สมัยพุทธกาลก่อนจะไปวัดเขาต้องไปหาที่พักก่อน เครื่องทรงกษัตริย์เขาต้องถอดของเขาไว้แล้วเข้าไปหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เขาเคารพบูชากันอย่างนั้น เขาหาที่สงบสงัด เขาหาที่วิเวก เขาไม่ได้หาเวทีคอนเสิร์ต ถ้ามึงจะหาเวทีคอนเสิร์ต มึงก็ไปหาเอาตามสนามหลวงนั่น

ถ้ามึงจะไปวัดไปวาขึ้นมามันต้องมีความสงบระงับ เราต้องเคารพกติกา ศีล สมาธิ ปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลคือความปกติของใจ ถ้ามันปกติแล้ว ที่ไหนก็ได้

คนที่มันสูงส่งนะ เขาสูงส่งด้วยหัวใจ เขาสงบสงัดของเขา ไม่ได้แจ๊ดๆๆๆ ไอ้พวกนั้นคนไม่มีอะไร อยากให้เขามองหน้า อยากให้เขาเห็นความสำคัญ

ความสำคัญก็กิเลสไง ถ้าความเป็นจริงๆ เราจะสูงส่งขนาดไหนมันสูงส่งที่หัวใจของเรา ถ้ามันสูงส่งมาที่หัวใจของเราแล้วนะ เราไปที่ไหนก็ได้ ใครไม่รู้จักเรายิ่งดี

เวลาหลวงตาท่านไปไหนท่านแอบไปเมื่อก่อน ตอนหลังไปไม่ได้ เขารู้จักกันทั่วประเทศแล้ว นี่ถ้าไม่รู้จักมันสะดวก

เวลาคนดังๆ นี่นะ มันขอความเป็นส่วนตัว

ก็มึงอยากดังไง มานี่คนล้อมหน้าล้อมหลังเลย ไอ้คนดังมันขอความเป็นส่วนตัวทั้งนั้นน่ะ เพราะมันไปไหนไม่ได้ ชีวิตมันไม่เป็นส่วนตัว นี่ไง ถ้าพูดถึงทางโลกๆ ไง

ถ้าเป็นทางธรรม สิ่งที่เป็นธรรมๆ คนเรามีกายกับใจๆ นะ ถ้าหัวใจที่ดีงาม หัวใจที่มันมีคุณค่านะ กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม วันเวลามันพิสูจน์ทั้งนั้นน่ะ คนที่มีอำนาจวาสนาบารมี แล้วอำนาจวาสนาบารมี กรรมเก่า กรรมใหม่

เราทำบุญกุศลเหมือนกัน แต่คุณค่าไม่เท่ากัน ไม่เท่ากันด้วยเจตนา ด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ทำบุญทิ้งเหวๆ น่ะ

ในสมัยพุทธกาลเวลาพระสารีบุตรเข้าฌานสมาบัติ แล้วเวลาออกจากฌานสมาบัติ ใครใส่บาตรจะได้บุญกุศลมหาศาล เวลาไปแล้ว คนทุกข์คนจนเขารับจ้างไถนาอยู่

เวลาเขารออาหารน่ะ เขาโกรธมาก เพราะชีวิตเหมือนกัน เวลาญาติเอาอาหารมาส่ง พระสารีบุตรออกมา ใส่บาตรพระสารีบุตร ไปไถนามันเป็นทองคำหมดเลย นี่มันสะอาดบริสุทธิ์ เขาทำด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ของเขา

ไอ้พวกเราเลย ใครเข้าฌานสมาบัติต้องใส่บาตรคนนั้นมันจะได้บุญกุศลเยอะๆ ไอ้ที่มันนอนเพิ่งตื่น มันเพิ่งออกจากสมาบัติ แล้วเราก็จะไปใส่บาตร

เรียนแต่ตำรากันมาไง แล้วจะเอาจริงเอาจังไง สมาบัติ สมาบัติอะไร สมาบัติเป็นอย่างไรมึงยังไม่รู้จักเลย นอนตื่นขึ้นมาก็สมาบัติ บ้าบอคอแตก

เพราะเราศึกษาธรรมะมาด้วยธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่สุดยอด แต่ด้วยความที่ด้อยวุฒิภาวะของเราไง ด้อยวุฒิภาวะ เชื่อเขาไปหมด นี่ไง คนที่ไม่มีสติปัญญาเชื่อเขาไปหมด ชักนำไปหมด

เราเชื่อในพระพุทธศาสนานะ เราเชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัจธรรม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐมาก สุดยอด แล้วเราทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา พอเป็นจริงขึ้นมา สูงสุดสู่สามัญ

พระ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านอยู่ในป่าในเขาของท่าน ท่านไม่สนใจเรื่องบ้าบอคอแตกอย่างนี้หรอก

ไอ้นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตก ถ้าเป็นเรื่องความจริงนะ นี่มาด้วยความสงบสงัด ด้วยความเคารพสถานที่

เราอยู่กับหลวงตา เวลามันมีคณะใหญ่ๆ มา ท่านไล่ออกไปเลย แล้วท่านพูด เราก็นั่งอยู่นั่น ท่านบอกว่า น่าเห็นใจมากนะ ไอ้พวกมีศรัทธาเขาก็อยากจะมาพบเรา แต่เวลาพบเราแล้วมันก็เป็นเหยื่อไง เพราะมีผู้ที่พามา

ท่านบอกว่า ให้เขากลับไปก่อน แล้วถ้าเขามีอำนาจวาสนา เขาจะมาของเขาภายหลัง เขาจะมาของเขาเอง ถ้ามาของเขาเอง มันไม่มีใครเป็นเหยื่อไง นี่เวลาเป็นเหยื่อๆ นะ

สมัยที่ท่านยังไม่ออกมาสังคมนะ เรื่องอย่างนี้ท่านไม่สนใจหรอก เพราะอะไร มันเรื่องโลกๆ แล้วมันวัดใจด้วย อู้ฮู! ติดในเราไง เราพูดไปนี่เขาจะเชื่อเราหรือไม่ เราพูดไปแล้วเขาจะยอมรับเราหรือไม่ เราทำไปแล้วเขาจะชื่นชมเราหรือไม่...มึงบ้า

เราทำหน้าที่ของเราไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้าที่ของพระคือบันลือสีหนาท สัจจะความจริงในใจมีหรือไม่ ถ้าสัจจะความจริงในใจมี บันลือสีหนาทออกมา เอาสิ่งที่เป็นความจริงนั้นออกมา เพราะทุกคนก็แสวงหาไง เพราะมันตระครุบเงากันอยู่นี่ไง

สิ่งที่รู้ที่เห็น สิ่งที่ว่าในภาชนะนั้นมันมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหน ดูสิ ในภาชนะแค่ใส่น้ำเปล่ามันก็น้ำจืดชืด ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจืดสนิทดี เพื่อไม่มีพิษกับร่างกาย

นี่บรรจุเหล้า บรรจุเบียร์ บรรจุอะไรทุกๆ อย่างเลย จิตใจของคนก็เหมือนกัน มันก็คิดร้อยแปดพันเก้าของมันไปทั้งหมดเลย จะคิดร้อยแปดพันเก้ามันก็เป็นวาสนาของคนไง

ดูสิ พระเวลาขอนิสัยๆ ถ้าขอนิสัย นิสัยเข้ากันได้ไง นี่การประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันเป็นจริงหรือไม่ ถ้ามันเป็นจริงหรือไม่ มันมีอำนาจวาสนาบารมีของมันนะ มันคัดมันแยกของมันได้ มันเลือกของมันเองว่าอะไรควรไม่ควรไง

ถ้าอะไรที่ไม่ควร ใครยกตูดนี่ยอดเลย ภาวนาเก่ง โอ้โฮ! คนนี้ภาวนาเก๊งเก่ง อู๋ย! นี่เป็นอุบาสิกาที่ประเสริฐ อู๋ย! นี่เป็นผู้เลอเลิศ อู้ฮู! หางชี้ฟ้า

ไปหาหลวงตา ไม่มีหรอก คนมีค่าเท่าคน อำนาจวาสนามันอยู่ในใจ คนเขารู้เห็นทั้งนั้นน่ะ ถ้ามีอำนาจวาสนาคือมันมีสติปัญญา มันคัดแยกได้ อะไรจริง อะไรไม่จริง อะไรควรหรือไม่ควร

เขาไปวัดไปวาเขายังรู้เลยว่าควรหรือไม่ควร วัดบ้าน วัดบ้านก็เป็นเรื่องของประเพณีวัฒนธรรม วัดป่า วัดป่าเขาต้องมีความสงบสงัด แล้ววัดป่า ป่าจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ป่าเถื่อน ป่าเถื่อนเพื่อเหยียบย่ำคนอื่น ป่าเถื่อนเพื่อประกาศตนไง

แต่ถ้าเป็นป่ายิ่งสงบระงับนะ ยิ่งสงบระงับยิ่งเป็นความดีไง ความดีนะ นี่เป็นสถานที่วิเวก จิตวิเวก กายวิเวก ถ้ามันวิเวกขึ้นมาได้จริง มันวิเวกได้จริงๆ มันไม่ใช่วิเวกต่อหน้าโยม โยมมาน่ะวิเวกเชียว พอโยมกลับไป อู้ฮู! คอนเสิร์ต ๕ โรงอยู่ในกุฏิมันน่ะ อู้ฮู! มันเต็มที่เลย นี่ลับหลังโยมไง...วัดป่าอย่างนั้นใช่ไหม

แต่ถ้าเป็นวัดป่า วัดป่านะ โยมจะมาหรือไม่มามันเรื่องของโยม ผู้ที่สนับสนุนไง เพราะผู้ที่ฉลาดเขาจะแสวงหาบุญกุศลของเขา ศรัทธาไทยๆ ไง เขาขวนขวายของเขามานะ เขาหามาด้วยหยาดเหงื่อหยาดน้ำ เขาถวายด้วยเจตนาที่เป็นกุศล

เวลาใส่บาตรพระไปแล้ว ภัตกิจๆ เอ็งได้ปฏิสังขาโยฯ หรือไม่ ข้าวเม็ดหนึ่งมันได้มาจากที่ใด ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงเหงื่อไหลไคลย้อยจากนั้น แล้วใส่มา เขาอุตส่าห์แบกหามมา อธิษฐานแล้วใส่ตกบาตร

เวลาฉันของเขาแล้ว ภิกษุที่เป็นทุจริตฉันข้าวเหมือนกับฉันถ่านก้อนแดงๆ ถ่านก้อนแดงๆ ใส่ในคอไป นี่พูดถึงบุญกุศลที่ในสายตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เขาว่าอร่อยดี ยิ่งมากยิ่งอร่อย สุดยอดเลย แล้วก็ไปนั่งสัปหงกโงกง่วง

เวลาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราได้สิ่งใดมา จริตนิสัยนะ คนในชุมชนใด พื้นเพใด ก็ต้องชอบอาหารที่เราคุ้นเคย ถ้าใครคุ้นเคยกับอาหารสิ่งใดมันก็จะชอบอาหารสิ่งนั้น แล้วเราไปเจออาหารสิ่งที่เราคุ้นเคยมา มันชอบกับกิเลส หลวงปู่หล้า หลวงตา ท่านจับเขวี้ยงเข้าป่า จับเขวี้ยงเข้าป่า

โยมของเขา เขาใส่บาตรของเขา เขาอาบเหงื่อต่างน้ำมา แล้วใส่บาตรมามันเป็นศรัทธาไทยของเขา จับเขวี้ยงทิ้งได้อย่างไร

สิ่งที่เขาจับเขวี้ยงทิ้งๆ เขาจะต่อสู้กับกิเลสในใจของตนไง สิ่งที่เขาได้มาๆ บิณฑบาตของเขามาแล้ว กุศลเขาสมบูรณ์ของเขาแล้ว สิ่งที่เราจะเขวี้ยงทิ้ง เราจะรักษาจิตใจของเราไง

ถ้ามันฉันสิ่งนี้แล้ว ฉันไปแล้ว เห็นไหม เวลาหลวงตาท่านอดนอนผ่อนอาหาร ท่านบอก ภาวนานี่ แหม! มันรื่นเริง เวลาไปฉันอาหารนี่เหมือนเรือเกลือเลย คนที่อดอาหารมันจะรู้จักของมัน เวลาร่างกายมันเบา พิจารณาสิ่งใดมันทำของมันโดยสะดวกคล่องตัว พอไปกินข้าวเข้าไปแล้ว โอ้โฮ! ภาวนาไม่ได้เลย

ฉะนั้น เวลาท่านจะออกไปบิณฑบาต มันต่อรองกัน โอ้โฮ! ภาวนาดี๊ดี แล้วจะออกไป พอฉันอาหารแล้วมันก็หนักเป็นเรือเกลือ มันต้องต่อสู้กับสสารกับธาตุอาหารที่มันเข้าไปกดทับหัวใจ มันต่อรองกันอยู่อย่างนั้นน่ะ แต่ก็ต้องไป ไม่ไปมันก็ตาย คนเราไม่มีอาหารมันก็ต้องตาย แต่ถ้าพอมันมีอาหารด้วยความโลภ ด้วยความไม่รอบคอบของมัน ฉันเข้าไปแล้วมันก็สัปหงกโงกง่วง นี่มันพิจารณาของมันไง

นี่ไง เวลาเขาใส่บาตรมามันเป็นบุญกุศลของเขาด้วยเจตนาที่สะอาดบริสุทธิ์ของเขา บุญของเขาสมบูรณ์แบบของเขาแล้ว ผู้รับ ปฏิคาหก ผู้รับ รับด้วยความสะอาดบริสุทธิ์ ผู้รับ รับแล้วเพื่อดำรงธาตุขันธ์

แต่สิ่งที่มันไปทำลาย สิ่งที่มันกดทับธาตุขันธ์ มันไม่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย บุญกุศลเขาได้ไปแล้วเขาไม่รู้เห็นหรอก ปาทิ้งไป ปาทิ้งไป ปาทิ้งกิเลสไป ปาทิ้งความอยาก ความเอร็ดอร่อย ความต้องการ ทิ้งมันไป แล้วก็สิ่งที่แสวงหามาก็เพื่อร่างกาย สะอาดบริสุทธิ์ทั้งผู้ให้และผู้รับ ปฏิคาหก บุญกุศลมหาศาลเลย

โอ๋ย! ปาทิ้งจะได้บุญได้อย่างไร

กินเสร็จแล้วพระก็นอนเป็นหมูใช่ไหม แล้วธรรมะในใจก็ไม่เกิดขึ้นมาเลย

ศาสนาจะมั่นคง มั่นคง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ ธรรมก็ไม่เกิดกับหัวใจของใครทั้งสิ้น แล้วธรรมไม่เกิดในหัวใจของใครทั้งสิ้น แล้วศาสนามันจะมั่นคงได้อย่างไร

ศาสนามันจะมั่นคงขึ้นมาได้ถ้ามันเป็นคุณธรรมในใจของครูบาอาจารย์ของเรา เป็นธรรมทายาทๆ ธรรมทายาทเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้คนพึ่งพาอาศัย ท่านต้องพึ่งพาอาศัยตัวของท่านได้ก่อน ถ้าพึ่งพาอาศัยตัวเองไม่ได้ มันจะไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ควรทำอย่างใด ควรดำรงชีวิตอย่างไร ควรขวนขวายอย่างไร ควรรักษาอย่างไรเพื่อให้เกิดคุณธรรมในใจอันนั้น เอวัง